[Spoil] One Piece ตอนที่ 1,137 การปรากฏตัวของ แชมร๊อก (เต็มตอน) – Pantip

– บทเริ่มต้นด้วยลูฟี่ และกลุ่มของเขามาถึงปราสาทออรัสท์ ที่อยู่ทางตะวันตกของหมู่บ้าน โร้ดเล่าให้ฟังว่าปราสาทแห่งนี้ไม่มีคนใช้ตั้งแต่กษัตริย์ฮาราลเสียชีวิต ซึ่งน่าแปลกใจมากที่ประตูทางเข้าจะเสียหายเหมือนเกิดการทำลาย และไม่มีการ์ดคอยเฝ้า โซโลสังเกตว่าประตูถูกทำลายจากด้านใน 

– พวกเขาข้ามประตูหน้าและมาถึงบริเวณที่ปราสาทถูกทำลาย โร้ดกล่าวว่านี่คือร่องรอยของการต่อสู้อย่างดุเดือดที่เกิดขึ้นในปราสาทเมื่อโลกิสังหารกษัตริย์ฮารัลด์

โซโล: “ดูจากร่องรอยของการต่อสู้ พนันได้เลยว่าจะต้องเป็นพลังที่ยิ่งใหญ่มากแน่ ๆ…”

โร้ด: “อย่างที่ทุกคนรู้ โลกิเป็นปีศาจ แต่กษัตริย์ฮารัลด์ก็เป็นชายที่รู้จักกันในนาม ‘นักรบผู้ยิ่งใหญ่’ ชะตากรรมของปราสาทนี้ถูกกำหนดไว้ตั้งแต่วินาทีที่การต่อสู้นั้นเริ่มขึ้นมา!!

ลูฟี่: “ว้าว ใหญ่มากกก!!”

นามิ: “อะไรน่ะ? มันดูน่ากลัวจะตายไป

– พวกลูหี่เข้าไปในปราสาทซึ่งได้รับความเสียหายอย่างหนัก ภายในปราสาทมีโครงกระดูกของยักษ์จำนวนมากกระจายอยู่บนพื้น ดูเหมือนว่านักรบยักษ์กว่าร้อยตน จะถูกฆ่าตายในวันนั้นโดยฝีมือของโลกิ ส่วนจารูลและโลกิเป็นเพียงสองคนที่รอดชีวิตมาได้

– ลูฟี่มองเห็นกะโหลกศีรษะที่มีเขา ซึ่งคล้ายกับของยักษ์ออส โร้ดอธิบายว่ามียักษ์บางตน ที่สืบทอดสายเลือดบางส่วนของ “ชนเผ่ายักษ์โบราณ” ในอดีต อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันไม่มีสมาชิกที่มีสายเลือดบริสุทธิ์ของ “ชนเผ่ายักษ์โบราณ” เหลืออยู่แล้ว

– พวกลูฟี่ พบภาพของกษัตริย์ฮารัลด์แขวนอยู่บนผนัง (เป็นภาพเดียวกับที่เราเห็นในบทก่อนหน้า แต่คราวนี้เราได้เห็นภาพเต็ม ๆ) กษัตริย์ฮารัลด์เป็นยักษ์หัวโล้นที่มีหน้าตาดุร้าย พร้อมด้วยหนวดเคราสีดำ มีรอยแผลเป็นขนาดใหญ่สองแห่งบนศีรษะ และรอยสักเส้นบนใบหน้า (เหมือนกับของริปลีย์)

โร้ด: “นั่นคือภาพของกษัตริย์ฮารัลด์

ชายผู้รักความสงบ และพยายามเชื่อมโยงเอลบัฟเข้ากับชาติอื่น ๆ ในโลก … เขาได้รับการกล่าวขานว่าเป็น ‘กษัตริย์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด’ ที่เอลบัฟเคยมีมา”

ลูฟี่: ดูแข็งแกร่งสุด ๆ เลย

– โร้ดอธิบายว่าฮัจรูดินเป็นพี่ชายต่างแม่ของโลกิ ฮัจรูดินมีพ่อคือฮาราลด์ ที่แต่งงานกับยักษ์ผู้หญิงตนหนึ่งก่อนที่จะแต่งงานกับแม่ของโลกิ (มีเมียสองคน) แม่ของฮัจรูดินไม่สามารถเป็นราชินีแห่งเอลบัฟได้ เพราะเธอเป็นยักษ์จากอีกประเทศหนึ่ง และถูกดูถูกจากชาวเอลบัฟหลายคนที่ต้องการรักษาสายเลือดบริสุทธิ์ของเอลบัฟเอาไว้

– โซโลถามว่าทำไมโร้ดถึงเลือกอยู่บนเรือของคนที่มีสายเลือดครึ่ง ๆ กลาง ๆ แบบฮัจรูดิน และเราได้เห็นแฟลชแบ็คเล็ก ๆ ตอนที่โร้ดถูกกลั่นแกล้งในวัยเด็กเพราะเขาเป็นโอตาคุ แต่ฮัจรูดินกลับประทับใจในทักษะการวาดแผนที่ของโร้ดและขอเป็นเพื่อนกับเขา (ฮัจรูดินในแฟลชแบ็กมีลักษณะคล้ายตอนที่เราเห็นเขาในแฟลชแบ็กของบิ๊กมัม) 

– โร้ดบอกว่าฮัจรูดินต้องทนต่อคำดูถูก หยียดหยามที่เขาได้รับในฐานะคนสายเลือดครึ่ง ๆ กลาง ๆ

ฮัจรูดินมีความฝันที่จะเป็นราชาแห่งยักษ์ทั้งหมด (ไม่ใช่แค่เอลบัฟ) รวมชนเผ่ายักษ์ทั้งหมดในโลกให้เป็นหนึ่งเดียวกัน ขณะที่พวกเขากำลังพูดคุยกัน ลูฟี่สังเกตเห็นว่ามีผู้คุมบางคนล้มอยู่บนพื้น 

ลูฟี่: “เฮ้! มีคนล้มอยู่ตรงนั้น!!”

ตัดไปที่ “โลกใต้ดิน” เราเห็นว่าใบหน้าของโลกิเต็มไปด้วยเลือด เพราะกุนโกะกำลังโจมตีเขาด้วยพลังของเธอ กุนโกะขยายรองเท้าบูทของเธอด้วยลูกศรเพื่อให้ตัวเองสูงขึ้น เพื่อจะได้โจมตีใบหน้าของโลกิได้ง่ายขึ้น

กุนโกะ: “บางทีเจ้าคงเข้าใจแล้วสินะ?”

โลกิ: “ข้าบอกแล้วไง…!! ตอนนี้ข้าขยับตัวไม่ได้เลย!!!”

แชงส์ในชุดคลุม: “มันก็ไม่ได้เปลี่ยนอะไรอยู่ดีไม่ใช่หรอ ต่อให้แกขยับได้ก็ตาม”

กุนโกะ: “สิ่งมีชีวิตชั้นต่ำ … โอกาสที่จะได้ยกระดับตัวเองสู่ “ความเป็นเทพเจ้า”

เกียรติยศสูงส่งเช่นนี้ เดิมมันเป็นสิ่งที่แกไม่มีวันเอื้อมถึง แม้ว่าเจ้าจะโหยหามัน… และนี่พวกเรากำลังเสนอให้แก…”

– กุนโกะสร้างลูกศรบางอย่างที่ออกมาจากเท้าของเธอ ลูกศรเหล่านั้นทำเครื่องหมายเส้นทาง โลกิหันตามลูกศรนั้น แล้วคิดไว้แล้วว่าจะโดนโจมตี ทางด้านของกุนโกะอธิบายพลังของตัวเองว่าลูกศรที่เธอสร้างออกมา คือเครื่องหมายที่ลีกเลี่ยงไม่ได้ ต้องทำตามและมันจะไม่หยุด กุนโกะถามโลกิอีกครั้ง ว่าโลกิจะเข้าร่วมอัศวินเทพหรือไม่

– สุดท้ายโลกิก็ถูกกุนโกะโจมตี 

– แชงส์ในชุดคลุม ในที่สุดก็เปิดเผยตัวตนในตอนนี้ 

แชมร็อก: “เปลี่ยนแผน … มีการติดต่อมาจากแมรี่จัวส์!!”

ไม่มีประโยชน์เลย … ฉันหวังให้เรื่องนี้มันไปในทิศทางที่ดูฉลาดมากกว่านี้…

[ผู้นำอัศวินเทพ] ฟิการ์แลนด์ แชมร็อก

[ บุตรของเซนต์การ์ลิง, หนึ่งในห้าผู้เฒ่า]

กุนโกะ: “ใช่… และฉันไม่คิดว่าความตายจะเปลี่ยนอะไรได้ มันเกี่ยวกับศรัทธาของพวกเขาหรือเปล่านะ?

[อัศวินเทพ] กุนโกะ

(อาโร อารา โน มิ [มนุษย์ธนู])

– ฟิการ์แลนด์ แชมร็อก คล้ายกับแชงส์มาก แต่ไม่มีรอยแผลบนใบหน้า ผมยาว และแน่นอนว่ามี 2 แขน

– แชมร็อกสวมเครื่องแบบทหารแบบคลาสสิก, คล้ายกับทหารของอังกฤษหรือฝรั่งเศสในศตวรรษที่ 17 (ใส่บู๊ทสูงและมีผ้าพันคอรอบคอ) และยังคงพกดาบที่เอว

– แชมร็อกมองไปที่โลกิที่หมดสติ…

แชมร็อก: “นักรบผู้ดุร้ายจากเอลบัฟที่เคยยึดครอง ‘โลกใหม่’ ในสมัยโบราณ… พวกเราจาก ‘รัฐบาลโลก’ จะพาพวกเขามาอยู่ใต้การควบคุมของเราให้ได้ ไม่ว่าจะต้องทำยังไง”

จบบท ไม่มีการหยุดพักในสัปดาห์หน้า